ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก otacom
ก็เปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Battlefield 4 ซึ่งหลายคนเองก็คงจะได้ชมภาพนิ่ง,เทรลเลอร์และเกมเพลย์กันไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งในการเปิดตัวในครั้งนี้ของ DICE และ EA นั้นถือเป็นก้าวแรกของการเข้าสู่ยุคของ Generation ที่ 8 ของวงการเกมที่น่าสนใจทีเดียว กับการกลับมาอีกครั้งในคร้งนี้ของซีรี่ย์ Battlefield แม้จะเพิ่งวางจำหน่ายภาคล่าสุดมาได้ยังไม่ทันครบ 2 ปีก็ตาม ซึ่งในวันนี้เราก็ได้มี Preview ข้อมูลแรกของตัวเกมออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นข้อมูลที่ทาง DICE ได้เปิดเผยให้กับสื่อหลายสำนักในงาน GDC 2013 เมื่อวันที่ผ่านมา
Frostbite 3 – New Engine, New Rules ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ชาวคอนโซลนั่นแปลว่าคุณยังไม่ได้สัมผัสประสิทธิภาพของ Frostbite 2 แบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งผมบอกได้ตรงนี้เลยว่ากราฟฟิคในเวอร์ชั่นคอนโซลของ Battlefield 3 นั้นเป็นเพียงแค่ 50% เท่านั้นจากเวอร์ชั่น PC ซึ่งแน่นอนว่ามันมาด้วยภาพที่คมชัดระดับ 1080p และเฟรมเรทที่ลื่นไหล รวมไปถึงเอ็ฟเฟ็คต่างๆทั้งการพลังทลายของสภาพแวดล้อม พื้นผิว เอ็ฟเฟ็คทางด้านแสงเงาที่ยกระดับขึ้นแต่ถึงกระนั้นทาง DICE เองก็ยังบอกว่ามันยังใช้ประสิทธิภาพของ Frostbite ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งในที่สุดมันก็ได้อัพเวอร์ชั่นใหม่อีกครั้งใน Battlefield 4 นี้เพื่อเค้นประสิทธิภาพให้ออกมาได้มากที่สุดกับ Frostbite 3 ที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการแสงเงาที่สมจริงยิ่งขึ้น ทิศทางของแสงนั้นจะมีความเหมือนกับที่เราเห็นในชีวิตจริงทั้งระยะของแสงมุมการตกกระทบต่างๆซึ่งจะทำให้ภาพที่ออกมานั้นดูสมจริงยิ่งกว่า Battlefield 3 โดยในส่วนของ Texture นั้นก็จะมีความละเอียดมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของใบหน้าที่จะมีการขยับกล้ามเนื้อที่เหมือนกับคนจริงๆ และยังไม่รวถึงระบบฟิสิก์ที่พัฒนาขึ้นในส่วนของสภาพแวดล้อม ต้นไม้จะลู่ไปตามลมรวมไปถึงหญ้าที่งอกอยู่บนพื้นด้วย และระบบด้วย Destruction การพังทลายต่างๆของวัตถุในเกมนั้นจะทำให้ Frostbite 3 นั้นกลายเป็นเอนจิ้นสำหรับเกมในยุค Gen ถัดไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทาง DICE นั้นได้เริ่มพัฒนา Engine ตัวนี้ตั้งแต่ปี 2011 หลังจากที่ Battlefield 3 วางจำหน่าย โดยทาง EA นั้นจะได้สิทธิ์ในการเข้าถึง Engine ตัวนี้ในการพัทฒนาเกมอื่นๆของพวกเขาด้วย (Mass Effect ภาคใหม่,Dragon Age 3)
ในส่วนของเนื้อเรื่องในภาคนี้นั้นทาง DICE ยังคงเดินตามแนวทางเดิมของพวกเขาในการสร้างเรื่องราวที่ดูมีความเป็นชีวิต ดูเป็นมนุษย์ธรรมดา และดูเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งจากที่เราได้เห็นกันไปแล้วในส่วนของเกมเพลย์ที่ทางทีมงานได้นำมาแสดงกับภารกิจ ‘Fishing in Baku’ ที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มทหารสี่นายของกองทัพสหรัฐที่ต้องต่อสู้กับกองกำลังรัสเซียในอาร์เซอร์ไบจาน เรายังไม่รู้ว่าทำไม่พวกเขาถึงต้องมาต่อสู้กันที่นี่แต่คาดว่าธีมหลักของเรื่องน่าจะเกี่ยวสงครามเย็นที่มีโอกาศเกิดขึ้นได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้
“มันคือเวลาของการสร้างบุคลิก” น่าประหลาดใจเล็กน้อยที่การเปิดตัวในครั้งนี้นั้นทาง DICE ไม่ได้มีการเปิดเผยในส่วนของ Multiplayer ที่เป็นหัวใจหลักของซีรี่ย์เท่าที่ควรทั้งยังเน้นไปที่การเล่นในรูปแบบของ Single Player ที่มากขึ้น ซึ่่งดูเหมือนทาง DICE นั้นต้องที่เน้นไปที่การทำให้ตัวละครในเรื่องนั้นดูมีมิติมากขึ้นกว่าที่เคยทำมาในภาคก่อนหน้า โดยเกมเพลย์เราได้เห็นนั้นผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหนึ่งในกองรบขนาดเล็กจำนวน 4 คนที่ต้องต่อสู้เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดซึ่งผู้เล่นจะได้เล่นเป็น Rekker สมาชิกคนหนึ่งของทีมพร้อมกับเพื่อร่ววมทีมอีก 3 คน Irish, Pac, และ Dunn เพื่อเอาชีวิตรอดจากสงครามความขัดแย้งครั้งใหญ่ โดยทาง Stefan Strandberg ไดเร็คเตอร์ของตัวเกมนั้นได้กล่วไว้ว่า มันชัดเจนแล้วว่าทาง DICE นั้นต้องการที่จะเน้นไปที่การ ลงลึกไปยังการพัฒนาของตัวละครมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้เล่นๆเกมไปซึ่งมันจะสร้างบริบทของการต่อสู้เอาชีวิตรอดของแต่ละคนยิ่งกว่าเกมก่อนหน้า
‘Squad-play’ นอกจากกราฟฟิคและการเล่าเรื่องที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเกมเพลย์ของ Battlefield 4 ในโหมด Single Player นั้นยังมีการเพิ่มเติมในส่วนที่เรียกว่า Squad-play อีกด้วยซึ่งระบบที่ว่านี้จะทำให้ผู้เล่นสามารถ tag ศัตรูและสามารถให้เพื่อนร่วมทีมยิงสนับสนุนได้ในขณะที่ทำการสู้รบ คล้ายกับเกมในซีรี่ย์ Brothers in Arms แต่ใน Battlefield 4 นั้นผุ้เล่นจะสามารถสั่งการเพื่อนรวมทีมให้สนับสนุนได้อย่างหลากหลาย ซึ่งทาง DICE นั้นต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความสัมพัรธ์ของเพื่อร่วมทีมมากขึ้น ด้วยเรื่องราวที่กระแทกกระทั้นอารมณ์มากกว่าที่เคย ซึ่งจากที่เห็นในเทรลเลอร์นั้นเราจะเห็นทั้งฉากที่เราจะต้องตัดขาเพื่อร่วมทีมทิ้งหรือฉากการเสียสละของเพื่อร่วมทีมในตอนต้นของเทรลเลอร์
“เอาโมเมนท์ Multiplayer มาใส่ใน Single-Player และ Sandbox กับสงครามเย็น” ใน Battlefield 4 นันมาพร้อมกับการเปิดตัวที่เหนือคาดอย่างมากในแง่ของการนำเสนอด้วยการจั่วหัวไว้ว่าในภาคนี้นั้นจะเป็นการนำเอาองค์ประกอบของเหตุการณ์ในเกมการเล่น Multiplayer มารวมไว้ในโหมด Single player อะไรคือที่ DICE กำลังหมายถึง? ก็ง่่ายมากที่จะอธิบายในส่วนนี้จากที่เราได้ชมกันไปในเกมเพลย์เต็มๆ 17 ที่เริ่มต้นด้วยฉากแคบๆในตึกไปจนถึงฉากกลางแจ้งที่กว้างใหญ่ DICE นำเสนอรูปแบบการเล่นที่หลากหลายในการโจมตีศัตรู และระบบยานพาหนะที่จะมีทั้ง รถ เรือ เครื่องบินเจ็ต และ เจ็ตสกี โดยทาง Gustav Tilleby อาร์ตไดเร็คเตอร์ของตัวเกมนั้นได้บอกว่าว่าตัวเกมนั้นจะมีความเป็น Sandbox และมีรูปแบบการเล่นแบบ Dynamic เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมไปถึงตัวเลือกที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งทั้งหมดนั้นคือคำอธิบายของเกมการเล่นใน Battlefield 4 ภาคนี้ซึ่งจะไม่ถูกจำกัดโดยสคริปท์ที่วางไว้มากเหมือนเกมก่อนๆ ซึ่งในเกมเพลย์ที่เราเห็นนั้นเป็นฉากๆเดียวกันที่เริ่มต้นด้วยพื้นที่เล้กในตัวเมืองไปจนถึงฉากทะเลทรายอันกว้างใหญ่ นั่นแปลว่ามันจะต้องมีการเดินทางบนแผนที่ขนาดใหญ่อย่างแน่นอน
ฟังก์ชั่นใหม่ของ Battlelog DICE ยังได้เปิดเผยถึงระบบของ Battlelog ตัวใหม่ภายในงานโดยมีจะมีความสำคัญในเกมการเล่นแบบ Single player มากขึ้นโดยมันจะเก้บค่าสถิติทั้งหมดของผู้เล่นว่าพวกเขาทำอะไรไปบ้างในแต่ละภารกิจ โดยจะมีการอัพเดทแบบ Real time และยังมีรูปแบบ HUD แบบใหม่ที่จะแสดงผลบนหน้าจอว่ามีเพื่อเราคนไหน Online อยู่บ้าง และมี Achievement ไหนที่เราได้ปลดล็อคไปล่าสุด อาจจะเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่มันก็ถือว่าน่าสวนใจมากทีเดียว
วันวางจำหน่าย และการ์ดจอทรงพลัง EA และ DICE นั้ยืนยันชัดเจนแล้วว่า Battlefield 4 นั้นจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน แม่ว่า Frostbite 3 นั้นจะเป็นการยกระดับกราฟฟิคและเกมการเล่นเข้าสู่ยุคใหม่ที่รวดเร็ว ซึ่งตัวเกมนั้นจะลงให้กับเครื่อง PC,Xbox 360 และ PlayStation 3 โดยเดโมที่ทางทีมงานนำมาโชว์นั้นเป็นการเล่นบนเครื่อง PC ซึ่งใช้การ์ดจอ HD 7990 ‘Malta’ การ์ดจอจาก AMD ซึ่งทางทีมงานได้บอกว่ามันเป็นการ์ดแสดงผลที่ทำงานได้เร็วที่สุดในเวลานี้ โดยในส่วของการวางจำหน่ายบนเครื่องเกมตัวใหม่ของ Sony อย่าง PlayStation 4 นั้นยังไม่มีการยืนยันใดๆจากทาง DICE รวมไปถึงเครื่อง Xbox รุ่นใหม่ของ Microsoft เองก็เช่นกัน ซึ่งหากมีความคืยหน้าเพิ่มเติมทางเราก็จะไม่พลาดนำมาให้ชมอีกเช่นเคย
