Review: GRID 2 สุดยอดเกมขับรถที่ขาซิ่งไม่ควรพลาด

ผู้เขียน หัวข้อ: Review: GRID 2 สุดยอดเกมขับรถที่ขาซิ่งไม่ควรพลาด  (อ่าน 1518 ครั้ง)

joliez

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2112
  • พลังน้ำใจ: 14
    • ดูรายละเอียด

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก KirosZ gamingdose

     วันนี้ผมได้รับหน้าที่เขียนรีวิวยอดเกม Racing ที่มีหลากหลายอารมณ์และทำให้ผมหลงรักมาแล้วกับภาคแรก    ไม่ใช่ใครอื่น มันคือ GRID 2 ที่เพิ่งลงตลาดไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ตามเวลาบ้านเรานั่นเองจ้า

ต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่าการเข้ามาของเกม Racing จากทางค่าย Code Master เมื่อหลายปีที่ผ่านมาด้วยเกมอย่าง GRID และ DiRT Series เกมในเครือที่ทำออกมาแล้วถึง 3 ภาคด้วยกัน ทำให้พลิกวงการเกมขับรถจากที่เคยๆ เป็นมา ด้วยความสมจริงทางด้านฟิสิกส์และกราฟฟิกที่ล้ำยุคอีกทั้งยังไม่กินเครื่องมากด้วย จึงทำให้ได้ใจสาวกเกมเมอร์ตีนผีไปเต็มๆ



ขอเริ่มจากในส่วนของเนื้อเรื่อง

           คงไม่ขอพูดถึงอดีตกันมาก เพราะ GRID 2 ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วผมจะขอพูดไปทีละส่วนๆ ก่อนละกันครับ ขอเริ่มจากในส่วนของเนื้อเรื่องที่ในภาคนี้ใช้คำว่า World Series Racing ที่สร้างรูปแบบออกมาให้เราเป็นนักขับหน้าใหม่ที่ไต่เต้าขึ้นไปมีชื่อเสียง มีฐานแฟนที่ติดตาม และเก็บกวาดรางวัลไปในแต่ละทวีปต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเมื่อเป็นที่น่าสนใจเนื้อหอม ก็จะมีสปอนเซอร์ต่างๆ เข้ามาสนับสนุนมากมายครับ โดยรายการใหญ่ที่จะเป็นตัวปิดท้ายของแต่ละฤดูกาลจะมีชื่อว่า World Series Racing หรือ WSR ที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยความยิ่งใหญ่ เป็นที่พูดถึงในอินเตอร์เน็ตและยังมีผู้ประกาศข่าวจาก Sports Center ให้ความสนใจอีกด้วย

ตัวเกมนำเสนออารมณ์ของการเล่นได้ดีทีเดียว ด้วยการวางองค์ประกอบต่างๆ ให้รู้สึกว่าเป็นเราอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเช่นหลังจบ WSR หรือจบฤดูกาลไปด้วยผลงานระดับเทพก็จะมีการอัพเดทอู่รถของเราให้ดีขึ้น มีอุปกรณ์ใหม่ๆ มาให้ใช้งานได้มากขึ้น สร้างบรรยากาศใหม่ให้เราได้ไม่จำเจ โดยแต่ละฤดูกาลนั้นเราจะเดินทางไปแข่งขันตามทวีปต่างๆ เช่นเริ่มมาเราจะได้เล่นในโซน US รถที่เราได้สัมผัสช่วงแรกๆ ก็จะเป็นรถโซน US เกือบทั้งหมดครับ และยังมี American Muscle มาให้ได้สัมผัสกันเรื่อยๆ ซึ่งรถ Muscle ของเกมนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียว ไม่ห่วยแตกเหมือนเกมอื่นๆ ครับ



เกมการเล่นในโหมด “เนื้อเรื่อง”

         เกมการเล่นในโหมด “เนื้อเรื่อง” ในส่วนของรถเราจะปรับแต่งเครื่องหรือความแรงไม่ได้เลยครับ ทำได้เพียงแต่งความสวยงามภายนอก เช่นสีรถ ลวดลายของรถที่ตัวเกมมีมาให้เลือก และไม่สามารถออกแบบเองได้ และสามารถเลือกเปลี่ยนล้อแม๊กได้ครับ ก็ถือว่าพอจะทำให้เราได้รู้สึกว่าแต่งรถได้อยู่บ้าง

ในส่วนของเนื้อเรื่องจะมีการแบ่งแยกหมวดการแข่งขัน ถ้วยและรายการต่างๆ นั้นจะใช้โหมดการแข่งขันที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น Race, Eliminator, Faceoff, Drift และอื่นๆ ที่ทำให้เรารู้สึกหลากหลายเพราะแต่ละสนามในแต่ละหมวดก็จะมีความแตกต่างกันออกไป สิ่งที่ผมชอบจะเป็นเรื่องของฉาก สนามต่างๆ ที่ทำออกมาได้สวยงาม สีสันและอารมณ์การขับในแต่ละสนามก็จะรู้สึกต่างกันไป โดยจะแบ่งออกเป็นรูปแบบหลักๆ 3 อย่างคือ


สนามกลางใจเมืองที่มีเมืองดังต่างๆ อย่าง บาเซโลน่า ฮ่องกง ดูไบ ที่จำลองกลางเมืองดังมาให้เราได้ซิ่งกันให้สนั่นเมืองกันเลยทีเดียวครับ สนามขึ้นเขาลงเขา อย่างญี่ปุ่น ฮ่องกง ที่มีหุบเขาและโค้งแฮร์พินให้ได้ดริฟกันอย่างมันส์ มีสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ทำให้เราต้องขับรถอย่างระมัดระวังมากขึ้น สนามแข่งแบบเซอกิต สนามแข่งตามมาตรฐานที่ให้เราแข่งอย่างมีวินัย หากเราแอบขี้โกงขับลัดสนามก็จะโดนปรับโทษโดยรถเราจะไม่สามารถบังคับได้ชั่วคราว


โดยการแข่งขันในโหมดต่างเหล่านี้แหละที่จะทำให้เราได้ก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นสุดยอดนักขับฝีมือระดับโลกที่มีฐานแฟนหลักล้านคนต่อไปครับ นอกจากนั้นรถแต่ละคันก็จะมีรูปแบบที่ต่างกันออกไปโดยแบ่งออกเป็น...

- RWD รถขับหลัง มีแบ่งย่อยเป็น Drift, Balance และ Grip
- รถขับหน้า แบ่งย่อยเป็น Grip
- รถขับสี่ล้อ แบ่งย่อยเป็น Grip

 

ลักษณะการขับที่ต่างกัน

โดยแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะการขับที่ต่างกันครับ ยกตัวอย่าง RWD/Drift เวลาเข้าโค้งก็จะไถลได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบเข้าโค้งแบบดริฟท์เข้าไปครับซึ่งก็จะทำให้การแตะเบรกน้อยลง ทำเวลาได้ดีขึ้น หรือคนที่ถนัดขับ LINE Out-in-out ก็จะเหมาะกับ RWD/Grip หรือ FWD/Grip ที่จะค่อนข้างเกาะถนนครับ ส่วน 4WD นั้นจะ Balance ในตัวครับผมเหมาะกับแนวขับ LINE เช่นกันเพราะยึดเกาะถนนมากครับ


มาดูส่วน Multiplayer กันบ้าง

        พูดถึงเนื้อเรื่องกันไปเยอะแล้ว ขอแยกมาพูดถึงในส่วนของเล่นหลายคนกันบ้าง ในโหมดหลักจะมีให้เลือกเล่นแบบ Split Screen เอาไว้เล่นกับเพื่อนที่บ้านได้สนุกๆ ด้วยครับและก็จะมีโหมด GRID Online หรือ Multiplayer ที่เล่นในรูปแบบออนไลน์ไฝว้กับคนอื่น โดยเมื่อเข้ามาในส่วนของ Multiplayer นั้นจะเป็นเหมือนการตั้งไข่กันใหม่เช่นกัน ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ “เนื้อเรื่องหลัก” โดยต้องเก็บเลเวลกันใหม่ ด้วยการเข้าไปแข่งขันออนไลน์กับคนอื่นในโหมดต่างๆ เพื่อนำเงินที่ได้มา “แต่งรถ” ใช่แล้วครับ ในโหมด Multiplayer นั้นจะแต่งรถได้ในส่วนของ Engine, Drive Train และ Handling ครับ ในการแต่งรถ Tier นั้นๆ ถ้าเราแต่งเต็มเกินไป ความสามารถของรถก็จะเพิ่มระดับ Tier ขึ้นไปเองด้วยนะครับ

เพราะฉะนั้นปรับจูนกันให้ดีก่อนที่รถท่านจะข้าม Tier ไป ทำให้ใช้ไม่ได้ใน Tier นั้นๆ ครับ ในส่วนของการซื้อรถแต่ละคันนอกจากจะใช้เงินในเกมซื้อแล้ว ยังต้องมีเลเวลตามที่กำหนดไว้ด้วยครับ อย่างเช่น Chevrolet Camaro SS ใน Tier 2 ที่ต้องการเลเวลปลดล๊อคที่ Lvl 11 นั่นเองครับผม และใช้เงินมากพอดูครับ ระบบต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เราจมอยู่ใน Multiplayer ไปยาวนานด้วยการเก็บเงิน ซื้อรถ แต่งรถและเพิ่มระดับของตัวเองไปหวดกับคนอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรีครับ


นอกจากการแข่งขันในแบบออนไลน์ เจอคนอื่นและเล่นกับเพื่อนๆ แล้วก็ยังมี Global Challenge อีกด้วยครับที่ทำให้เราได้ท้าทายกับตัวเองโดยจะมีโจทย์และเป้าหมายมาให้เราได้เข้าไปทำและเก็บคะแนนไปเทียบกับคนอื่นๆ ด้วย


สมจริงขึ้นมาอีกขั้น

        หลังจากที่พูดแบ่งแยกกันไประหว่าง “World Series Racing” และ “GRID Online” ที่มีการเล่นที่แยกออกจากกันให้เราได้พัฒนากันไปคนละด้านนั่นเอง

ผมก็จะขอพูดถึงในส่วนของกราฟฟิคที่ GRID 2 นั้นยังคงทำออกมาได้ดี ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ต่างกันกับ GRID ภาคแรก(ที่ทำออกมาได้ดีมากๆ แล้ว) แต่ก็ได้พัฒนาในส่วนขององค์ประกอบต่างๆ ให้ดูนุ่มนวลขึ้น เช่นแสงเงา เงาสะท้อนที่สมจริงสวยงาม ฉากที่มีความเคลื่อนไหว ดูสมจริงขึ้นมาอีกขั้นด้วยการออกแบบ Engine เกมที่ไม่ตกยุคทำให้หยิบมาพัฒนาต่อได้อย่างไม่น่าเกลียดครับ

ในส่วนของระบบการเล่นตัวเกมยังคงรักษาความสุดยอดของระบบฟิสิกส์ต่างๆ ไว้ได้อย่างดีทั้งในเรื่องของความรู้สึกในขณะขับรถที่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักและแรงเหวี่ยงของรถที่พาเราเข้าไปในแต่ละโค้งได้เป็นอย่างดี ความเสียหายจนรวมไปถึงสภาพของรถเมื่อมีการชนก็ทำออกมาได้ดูสมจริงดีมากครับ

อ่อ! ขอพูดถึงในเรื่องของมุมมองการขับที่ตัวเกมได้ตัด GRID 2 ออกไป และมีแค่ มุมมองจากด้านหลัง 2 ระยะ นอกนั้นจะเป็นมุม Bumper(กันชนรถ) และ Hood(กระโปรงรถ) ปิดท้ายด้วยเรื่องของระบบเสียงที่ให้มิติของเสียงได้ยอดเยี่ยมเช่นเคยกับเกมแข่งรถที่แยกแยะระบบทิศทางเสียงเมื่อเราปรับเปลี่ยนมุมมองก็จะเปลี่ยนลักษณะและตำแหน่งของเสียง เวลาเราขับไปใกล้ขอบสนามที่มีผู้คนยืนดูก็จะได้ยินเสียงเชียร์หรือเสียงตกใจเมื่อไรขับรถพุงเข้าใส่ข้างทาง ทำให้รู้สึกถึงความสมจริงได้มากยิ่งขึ้นครับ

โดยรวมแล้ว GRID 2 ยังคงเป็นยอดเกมขับรถที่อยู่ในใจผมและขาซิ่งไปอีกนาน ทำตัวเกมออกมาได้ดีสมกับการรอคอย ถึงแม้ว่าจะมีบัคหรือปัญหาเกมเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าไม่เป็นปัญหากับการเล่นมากนักครับ