ต้องเปิดใจ !! เมื่อวิทยาศาสตร์บอกเราว่าเกมนั้นมีข้อดี

ผู้เขียน หัวข้อ: ต้องเปิดใจ !! เมื่อวิทยาศาสตร์บอกเราว่าเกมนั้นมีข้อดี  (อ่าน 10057 ครั้ง)

joliez

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2112
  • พลังน้ำใจ: 14
    • ดูรายละเอียด

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก gamingdose

           อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าในโลกปัจจุบันผู้ใหญ่มักโจมตีเกมด้วยคำพูดที่ว่า "เกมเป็นสิ่งมอมเมา" "เกมสร้างความรุนแรง" "เด็กสมัยนี้เอาแต่เล่นเกม" แน่นอนครับมันเป็นคำพูดจากสื่อหลัก มาจากผู้ใหญ่สมัยที่ยังไม่มี 3G สมัยที่อินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา สมัยที่วิดีโอเกมส์มันเป็นเรื่องของลูกไฮโซหรือที่น่าเศร้าก็คือมันอาจมาจากเสรีนิยมที่กาลเวลาเปลี่ยนผันให้เขากลายเป็นอนุรักษ์นิยมไปแล้วก็ได้ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดมันก็ไม่ถูกไปซะหมดหรอกครับ ( มันก็ไม่ผิดไปซะหมดด้วยเช่นกันนั่นแหละ ) เพราะในปัจจุบันที่วิวัฒนาการมันก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ความเชื่อที่ว่าเกมจะทำลายสมองเด็ก ทำให้เด็กสมาธิสั้น เสริมสร้างความก้าวร้าวและทำลายอนาคตของพวกเขานั่นค่อยๆหลอมละลายไปทีละนิดด้วยความจริงที่ว่าเครื่องเล่นเกมอย่าง Wii U ช่วยให้เด็กสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้มีกิจกรรมในครอบครัวมากขึ้นรวมทั้งข่าวสารอีกมากมายที่เกมช่วยให้เด็กรอดตาย ช่วยให้เด็กสร้างฐานะด้วยการทำสิ่งที่เขารักและวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่าเกมมันไม่ใช่ปีศาจอย่างที่หลายคนนั้นเข้าใจ

1. เกมช่วยให้เด็กมีสังคมได้มากขึ้น


ความเชื่อ: เด็กที่เล่นเกมจะขาดความสามารถในการเข้าสังคม , เก็บตัว , ต่อต้านสังคมและไม่มีเพื่อน

ความเป็นจริง: การเล่นเกมที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เล่นเช่นเกมออนไลน์ เกม Multiplayer ทั้งหลายจะช่วยให้เด็กรู้จักการเข้าหาผู้อื่น รู้จักการให้ความร่วมมือและรู้จักการทำงานเป็นทีมมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เล่นเกมเลย และถ้าหากเด็กคนนั้นเล่นเกมที่ได้รับความนิยมในสังคม เขาจะได้รับการยอมรับจากเพื่อนมากขึ้นอีกด้วย

2. เกมช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ


ความเชื่อ: การเล่นเกมจะทำให้คุณเป็นคนที่เชื่องช้าหรือส่งผลให้ถึงขั้นเกิดอาการกระตุกตามร่างกายในบางครั้ง

ความเป็นจริง: เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยจับหมอผ่าตัดจำนวนหนึ่งมานั่งเล่นเกมจำลองการผ่าตัดบนเครื่อง Nintendo DS ผลปรากฏว่าคนที่ได้เล่นเกมจะมีความเร็วในการผ่าตัดสูงขึ้นถึง 27% และความผิดพลาดจากการผ่าตัดจะลดลงถึง 37% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เล่นเกม

3. เกมช่วยให้คุณตอบสนองต่อสิ่งต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


ความเชื่อ: การเล่นเกมจะทำให้สมองของคุณทำงานน้อยลงส่งผลให้การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆของคุณช้าลงด้วยเช่นกัน

ความเป็นจริง: นักจิตวิทยาได้ทำการค้นพบว่ากลุ่มคนที่เล่นเกมไม่ว่าประเภทใดก็ตามจะช่วยให้การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆนั้นเร็วมากยิ่งขึ้นโดยกระบวนการพัฒนาในด้านการตอบสนองจะคล้ายกับแมวคือเป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติเนื่องจากความเคยชิน ( เหมือนที่แมวมักจะตกใจและหันมามองกับเสียงเคาะโต๊ะ ) อีกทั้งกลุ่มคนเล่นเกมยังกะระยะความห่างได้ดีกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

4. เกมช่วยเยียวยาจิตใจ


ความเชื่อ: หากคุณมีปัญหาทางจิตใจไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม การเล่นเกมจะช่วยเร่งกระบวนการให้คุณกลายสภาพจากคนที่บอบช้ำกลายเป็นซากมนุษย์ที่เหี่ยวเฉาและไร้ซึ่งจิตวิญญาณ

ความเป็นจริง: มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านจิตใจหลังจากที่ได้เล่นเกมติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลามากกว่า 8 สัปดาห์จะเร่งกระบวนการฟื้นฟูจิตใจได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นเกม ( อย่าลืมครับว่าเกมก็เป็นหนึ่งในเครื่องสร้างความบันเทิงประเภทหนึ่งเหมือนภาพยนตร์ , เพลงและหนังสือ )

5. เกมทำให้ความจำดีขึ้น


ความเชื่อ: เกมจะบ่อนทำลายสมองของคุณ

ความเป็นจริง: มีการทดลองที่แบ่งอาสาสมัครแบ่งออกเป็นสองกลุ่มโดยทั้งคู่จะได้รับข้อมูลไปหนึ่งชุด จากนั้นกลุ่มแรกจะถูกปล่อยให้เล่นเกมทันทีหลังจากที่ได้รับคำสั่งส่วนอีกกลุ่มจะถูกควบคุมไม่ให้เล่นวิดีโอเกมส์ ผลปรากฏว่ากลุ่มแรกที่ได้เล่นวิดีโอเกมกลับจำข้อมูลที่ให้ไปในตอนแรกได้ดีกว่า

6. เกมส่งเสริมทักษะการเรียนรู้


ความเชื่อ: การเล่นเกมทำให้เด็กเรียนไม่เก่ง

ความเป็นจริง: มีการทดลองอีกเช่นกันระหว่างกลุ่มเด็กสองกลุ่ม กลุ่มแรกเรียนโดยวิธีการสอนแบบเดิมๆ ส่วนอีกกลุ่มเรียนผ่านวิดีโอเกมส์ซึ่งก็ได้ข้อสรุปที่ว่าการเรียนผ่านวิดีโอเกมส์ทำให้เด็กสนใจเนื้อหาของมันมากยิ่งขึ้น ตั้งคำถามกับข้อมูลต่างๆมากขึ้นและสุดท้ายช่วยให้เด็กเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น

7. เกมไม่มีผลต่อกระบวนการการคิดและสร้างสรรค์


ความเชื่อ: เด็กที่เล่นวิดีโอเกมส์จะขาดความคิดสร้างสรรค์และคิดไม่เป็น

ความเป็นจริง: มีผลการวิจัยชิ้นหนึ่งที่บ่งชี้ว่าถึงแม้เกมจะช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเด็กที่เอาแต่เรียนอย่างเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเกมช่วยให้เด็กมีความสร้างสรรค์อย่างชัดเจนแต่นั่นเป็นเพราะการที่เด็กคนนั้นได้เสพสื่อที่มากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าเกมไม่ได้ทำลายกระบวนการคิดและสร้างสรรค์นั้นก็คงไม่ผิดนัก

8. แต่เกมช่วยให้เด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้พัฒนาขึ้น


ความเชื่อ: เกมจะช่วยให้เด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้มีสมาธิในการอ่านมากขึ้นเท่านั้น

ความเป็นจริง: เกมไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของการทำให้เด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้มีสมาธิในการอ่านมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยอาจเป็นผลพลอยได้มาจากการฝึกสมาธิให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้

9. เกมช่วยเสริมสร้างดวงตา


ความเชื่อ: เกมทำร้ายดวงตาของคุณ

ความเป็นจริง: เดี๋ยวครับ เดี๋ยว ผมไม่ได้จะบอกว่าการที่คุณเล่นเกมทั้งวันนั้นไม่เป็นไร ผมแค่จะบอกว่าเราได้ข้อสรุปอีกหนึ่งเรื่องของการเล่นเกมที่เกี่ยวกับตาแล้วนั่นก็คือเกมนอกจากจะช่วยให้คุณสามารถแยกแยะสีต่างๆได้ดีขึ้นกว่าปกติแล้วยังช่วยเด็กที่อาจมีความผิดปกติในเรื่องของตาเหล่ให้กลับมาเป็นปกติได้ดียิ่งขึ้นครับผม

10. เกมช่วยให้คุณควบคุมความฝันได้


ความเชื่อ: มนุษย์ไม่สามารถพัฒนาการควบคุมตัวเองในความฝันได้

ความเป็นจริง: รู้หรือไม่ ? เกมช่วยให้คุณควบคุมความฝันได้

ถึงแม้ว่าเกมก็มีข้อดีอยู่เช่นกันแต่การเล่นเกมจนมากเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ GamingDose.com แนะนำครับ เอาเป็นว่าเราเล่นกันพอบันเทิงพอสนุกสนานกันดีกว่าเนอะ ^^