รีวิว Metal Gear Rising: Revengeance

ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิว Metal Gear Rising: Revengeance  (อ่าน 5064 ครั้ง)

joliez

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2112
  • พลังน้ำใจ: 14
    • ดูรายละเอียด
รีวิว Metal Gear Rising: Revengeance
« เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์, 2013, 08:59:43 am »

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก otacom

     4-6 ชั่วโมงคือเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการเคลียร์เกม Metal Gear Rising: Revengeance รอบแรก 4-6 ชั่วโมงอาจจะเป็นตัวเลขที่ฟังดูน้อยเมื่อเทียบกับความยาวของเกมแอ็คั่นเดินหน้าฟันระดับ AAA หลายๆเกม แต่หากจะวัดกันที่คุณภาพแล้ว 4-6 ชั่วโมงใน Metal Gear Rising: Revengeance นั้นเป็นการอัดแน่นไปด้วยคุณภาพและความสดใหม่ของเกมเพลย์ ที่รับประกันได้ว่าคุณจะไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนแน่ๆ

ชื่อของ Platinum Games นั้นได้นำเสนอสิ่งแปลกใหม่ใหม่ให้กับวงการเกมแอ็คชั่นเดินหน้าฟันอย่างแท้จริงเฉกเช่นเดียวกับ Santa Monica Studio ที่ได้พาเราไปพบกับเกมเดินฟันมหาเทพอย่าง God of Wars และระบบอย่าง Quick Time Event แต่สิ่งที่ Platinum Games นั้นนำเสนอความใหม่ที่แตกต่างกันออกไปด้วยรูปแบบการเล่นที่เรียกว่า Fast Paced Action เกมแอ็คชั่นความเร็วสูงที่เปิดโอกาศให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับความเท่ห์ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งสคริปท์มากมายนัก นับตั้งแต่ผ]งานสร้างชื่ออย่าง Bayonetta,Vanquish, Max Arnachy และล่าสุดกับเกมๆนี้ที่เป็นผลงานการร่วมกันกับ Kojima Production ในการสานต่อตำนานของ Cyborg Raiden ใน Metal Gear Rising: Revengeance


จะมีซักที่เกมกันที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้สวมบทเป็นนินจาไซอบร์กสุดเท่ห์ ที่มาพร้อมกับอาวุธสุดเฉียบ พร้อมสหายไซบอร์กร่างสนุขคู่ใจ ที่เดินทางไปยังที่ต่างๆรอบโลกต่อสู้กับบรรดาฝูงทหารรับจ้าง ลอบเร้นไปยังเข้าไปเชือดเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ต่อสู้กับหุ่นยนต์ยักษ์ตั้งแต่ขนาดตึก 3 ชั่นไปจนถึงขนาดมหึมาที่สูงยิ่งกว่าโตเกียวสกายทรี ทั้งยังได้กระโดดวิ่งไต่จรวดมิสไซล์ขึ้นไปฟัน เฮลิคอปเตอร์ให้เป็นชิ้นๆ นั่นแหละคือสิ่งที่ Metal Gear Rising: Revengeance มี


เรื่องราวใน Metal Gear Rising: Revengeance จะเป็นเหตุกาณ์หลังจากเหตุการณ์ในภาค Guns of the Patriots ที่ระบบ SoP ที่เป็นตัวควบคุมการทำสงครามแบบ War Economy ได้ถูกปิดลงไปแล้ว โลกกลับเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งสันติอีกครั้ง แต่มันก็เป็นช่วงเลาสั้นเท่านั้นหลังการปรากฏตัวของกลุ่ม Desperado กลุ่มไซบอร์กลึกลับ กระหายสงครามที่ได้เริ่มแผนการจุดชนวนสงครามเพื่อล้มล้างประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา


ใน Metal Gear Rising: Revengeance นั้นยังคงอุดมไปด้วยฉาก Cutscene ระดับคุณภาพเฉกเช่นเดียวกับซีรี่ย์ก่อนหน้านี้ที่เน้นดูมากกว่าเล่น แต่ใน Metal Gear Rising: Revengeance เราจะได้เล่นมากกว่าดูแล้ว เรื่องของคุณภาพนั้นต้องบอกว่าหายห่วงฉาก คัทซีนต่างๆยังคงให้อารมณ์แบบเดียวกับภาคก่อนๆอย่างไม่ผิดเพี้ยนซึ่งตัวของ Kojima ผู้ให้กำเนิดซีรี่ย์นี้ลงมาดูแลในส่วนนี้ด้วยตนเอง ดังนั้นไม่ว่าจะในส่วนของบทพูด มุกตลกเพี้ยนๆ ก็ยังมากันครบเหมือนเช่นเคย


รูปแบบของการต่อสู้นั้นทาง Platinum Games ได้นำเสนอความแปลกใหม่ดังเช่นที่เกริ่นไว้ในข้างต้น ด้วยระบบคอมโบที่ไม่ซับซ้อนแต่ลุ่มลึกผสมผสานกับการที่ตัวเกมไม่ใช้การ Dodge หลบการโจมตีของศัตรูแต่กลับใช้การดันแกน Analog พร้อมกดปุ่มโจมตีไปยังทิศทางทีศัตรูโจมตีเพื่อทำการปัดป้องหรือ Parry แทน ฟังดูในตอนแรกอาจจะดูยากแต่เมื่อสัมผัสกับตัวเองจริงๆจะพบว่ามันเป็นระบบที่สร้างความสนุกได้เป็นอย่างมากทีเดียว นอกจากนี้ตัวเกมยังมีลูกเล่นที่เป็นจุดขายอย่าง Blade Mode อีกด้วยซึ่งหลายคนน่าจะได้เห็นกันปแล้วในเทรลเลอร์ โดย Raiden นั้นจะมีเกจพลังพิเศษที่จะได้หลังจากทำการโจมตีศัตรูซึ่งจะเป็นเกจพลังที่ใช้ สำหรับเข้าสู่ Blade Mode นี้นั่นเอง โดยเมื่อใช้ Blade Mode แล้วจะทำให้ภาพต่างๆช้าลงพร้อมทั้งจะมีสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมปรากฎอยู่ที่ตัวศตรุเพื่อบ่งบอกถึงจุดอ่อน ที่หากเขากดฟันเข้าไปตรงนั้นก้จะสามารถเผด็จศึกได้ทันทีพร้อมทั้งเป็นการฟื้นฟูพลังชีวิตของ Riaden อีกด้วย นอกจากนี้ Blade Mode ยังมีความสำคัญในการเก็บแต้มต่างๆเพื่อใช้ในการอัพเหรดความสารถของ Raiden เช่นถ้าเรายิ่งฟันศัตรูขณะอยู่ใน Blade Mode จนแหลกเป็นเสี่ยงๆมากเท่าไหร่เราก็จะได้แต้มมากขึ้น เหลือที่เด็ดที่สุดคือการฟันแขนขาทิ้งโดยไม่ฟันจุดอ่อน และปล่อยให้ศตรูตายเองเราก็จะได้แต้ม No Kill ด้วยเช่นกัน ซึ่ง Blade Mode นั้นสามารถนำไปประยุกติกับการโจมตีได้หลายรูปแบบที่รับประกันว่าคุณจะได้กดกันจนเมื่อยแน่นอน


ทุกช่วงเวลาประมาณทุกๆ 45 นาทีของตัวเกมนั้นเราจะได้พบกับบอสแต่ละตัว ศัตรูใหม่ๆ ที่มีรูปแบบการโจมตีแตกต่างๆกัน ซึ่งการต่อสู้กับ บอสแต่ละตัวนั้นอารมณ์เดียวกับซีรี่ย์ Metal Gear Solid ทุกประการ บอสและศัตรูแต่ละตัวมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายและท้าทายมากทีเดียว ที่ทำให้เราต้องงัดทุกเทคนิคที่มีขึ้นมาต่อสู้การกดสแปมปุ่มเพียงอย่างเดียวดูจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ซึ่งเมื่อต่อสู้กับบอสแต่ละตัวแล้วชนะเราจะยังได้อาวุธของบอสใช้อีกด้วย ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดนั้นก็จะทำให้การออกคอมโบต่างๆของ Raiden เปลี่ยนแปลงไปด้วยตามอาวุธที่เราเลือก


ในส่วนของ Production นั้นก็ต้องคงไม่ต้องพูดอะไรมากด้วยชื่อของ Platinum Games และ Kojima Production ถึงแม้ผลงานก่อนๆของ Platinum Games ในส่วนของการเล่าเรื่องแม้จะกำกับออกมาได้มันส์สุดติ่งแค่ไหนแต่ก็เหมือนจะขาดอารมณ์กับตัวละครและผู้เล่นร่วมไปพอสมควรซึ่งตรงนี้ก็ได้ทาง Kojima ที่เข้ามาขัดเกลาในส่วนของตรงนี้ทำให้การเล่าเรื่องใน Metal Gear Rising: Revengeance นั้นไม่เป็นปัญหาอีกต่อ ทางด้านดนตรีประกอบเองก็ทำออกมาได้มันส์ไม่แพ้กันแต่ยังไม่มีอะไรที่ติดหูเหมือนซีรี่ย์ Metal Gear Solid ทำให้พอฟังได้ผ่านๆเข้ากับตัวเกมดีแต่ไม่ถึงกับจดจำ


โดยรวมแล้ว Metal Gear Rising: Revengeance นั้น น่าจะเป็นเกมที่แฟนๆซีรี่ย์นี้ไม่น่าจะพลาดอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับคุณภาพของตัวเกมยิ่งทำให้มันเป็นเกมที่แฟนเกมทุกคนต้องเล่น สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมเอง Metal Gear Rising: Revengeance ก็ยังคงเป็นเกมที่สนุกและเป็นเกมที่ยออดเยี่ยมในแบบที่เกมอื่นๆไม่มี แม้ตัวเกมจะสั้นไปหน่อยแต่ก็อัดแน่นไปด้วยความมันส์ระดับคุณภาพ ที่รับประกันว่าคุณจะต้องย้อนกลับมาเล่นมันไปอีกนานเลยทีเดียว และตัวเกมยังมีในส่วนของ VR Mission ให้ผู้เล่นและเพื่อนได้แข่งกันทำคะแนนอีกด้วย ข้อเสียเพียงเล้กน้อยน่าจะเป็นในส่วนที่สร้างความรำคาญให้ใครหลายคนในซีรี่ย์ Metal Gear Solid ก่อนๆซึ่งนั้นก็คือการสนทนาผ่านทาง Codec อันแสนยาวยืดที่ชอบขึ้นมาขัดจังหวัความสนุกสนานนั่นเอง และความยาวของตัวเกมที่สั้นไปนิดส์ บวกับมุมกล้องที่ไม่ได้ดั่งใจในบางจุด แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นรับประกันว่าความมันส์จะกลบมันจนคุณลืมข้อเสียแน่นอน