สู่ชีวิตจริง !! จากเด็กคลั่ง FM ผันตัวเป็นผจก.ที่อายุน้อยที่สุด

ผู้เขียน หัวข้อ: สู่ชีวิตจริง !! จากเด็กคลั่ง FM ผันตัวเป็นผจก.ที่อายุน้อยที่สุด  (อ่าน 1334 ครั้ง)

joliez

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2112
  • พลังน้ำใจ: 14
    • ดูรายละเอียด

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก DAN RIPLEY, Daily Mail

เคยคิดบ้างมั้ยว่าการใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆนั่งเล่นเกมฟุตบอล เมเนเจอร์เกมคุมสโมสรอันโด่งดังและพาทีมอย่างชรูวส์บิวรี่ ทาวน์ผงาดจนถึงแชมป์ยูโรป้า ลีกจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์?

          งั้นลองมาพบกับวูการ์ ฮูเซย์นซาด หนุ่มวัย 22 ปีที่ได้เป็นผู้จัดการทีมของเอฟซี บากูทีมในอาเซอร์ไบจาน เป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดในโลกและสิ่งที่พาเขาให้ก้าวมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้ก็แค่ประสบการณ์ในการเล่นเกมคุมทีมมาเป็นเวลา 9 ปีด้วยกัน

มันเป็นบททดสอบที่ฟุตบอลรอคอย ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่กีฬาแรกที่เปิดรับพรสวรรค์จากเกมเมอร์ซึ่งคลุกคลีแต่ซิมูเลชั่นสมมุติและก็ไม่ใช่หนแรกที่ถือว่าประสบความสำเร็จพอตัว

นิสสันได้เปิดอคาเดมี่จีทีโดยจับมือกับโซนี่ที่เป็นเจ้าของซีรีย์เกมแกรน ทูริสโม่เกมแข่งรถอันโด่งดัง และตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาพวกเขาก็สร้างนักขับในชีวิตจริงที่มีความสามารถพอจนได้ไปแข่งตามรายการดังๆอย่างเลอ ม็องส์มาแล้ว

แต่ด้วยธรรมชาติของฟุตบอลและหลักปฏิบัติของแต่ละทีมที่ไม่มีเกมจำลองเกมไหนเลียนแบบได้ การหาดาวซักดวงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นงานที่หนักหนาไม่เบา มันจะเป็นไปได้หรือ?

สัญญาณเตือนแรกๆบอกแบบนั้น ฮูเซย์นซาดมีอายุแค่ 21 ปีเมื่อตอนที่เขาถูกทาบทามโดยบากูในเดือนพฤศจิกายนและจะบอกว่าเป็นการเริ่มต้นที่กล้าไม่เบาก็ว่าได้หลังจากต้องมาเจอปัญหาใหญ่เพราะสโมสนอนอยู่เฉียดก้นตารางของลีกสูงสุด

การดึงเขามาทำงานนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงปีนับจากที่ถูกชวนให้มาทำงานกับสโมสรในส่วนที่ไม่ได้ใช้ความสามารถด้านฟุตบอลและถึงแม้จะไร้ประสบการณ์จริงแต่เขาก็โชว์ผลงานได้ดีเมื่อดึงเอาฌอง-ปิแอร์ ปาแปงอดีตดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสเข้ามาทำงานกับสโมสร

ฮูเซย์นซาดเกิดที่อาเซอร์ไบจานแต่เมื่อตอนเด็กเขาย้ายไปอยู่ที่สวีเดนที่ซึ่งเขาถือสัญชาติอยู่ เมื่อได้คุยกับเขาแล้วก็พอจะบอกได้ว่าเขาเองก็มีความสุขุมอยู่ในตัวและแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นอยู่ด้วย

สำหรับเขามันเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดูบ้ามาตลอดสองปีหลังนับตั้งแต่ได้รับการติดต่อจากสโมสรในปี 2011 โดยแม้เขายอมรับอย่างเต็มปากว่าทีแรกก็มีปัญหากับการรับมือเรื่องภายในห้องแต่งตัวในชีวิตจริง แต่ฮูเซย์นซาดก็บอกว่าอย่างน้อยการเล่นฟุตบอล เมเนเจอร์ได้วางรากฐานให้เขาได้เรียนรู้

"ผมพบกับประธานสโมสรที่ลิธัวเนียเราได้คุยกันเล็กน้อย เขาคุยติดตลกมาว่าผมน่าจะติดต่อไปหาเขาเมื่อผมเรียนจบแล้วเพื่อไปรับงานคุมทีมให้พวกเขาในอนาคต"ฮูเซย์นซาดบอกกับสปอร์ตเมล์

"นั่นล่ะคือจุดเริ่มต้น ทีแรกผมดูไม่ค่อยเฉียบคมเท่าไหร่หรอก ผมทำงานกับสโมสรในปี 2011 และแรกๆก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเลย จากนั้นพอเขาเห็นความหลงใหลกระตือรือร้นที่ผมมี เขาเสนอตำแหน่งผู้จัดการทีมให้ผม"

"พวกเขาเสนอตำแหน่งที่สูงกว่าให้ปาแปง เป็นตำแหน่งที่เขาจะได้ควบคุมทั้งสโมสรยาวถึงอคาเดมี่ด้วย เหมือนกับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านฟุตบอลของสโมสร ผมรับผิดชอบเพียงแค่ทีมชุดใหญ่เท่านั้นล่ะ"

"ในช่วงต้นมันออกจะยากซักหน่อย มันเป็นเรื่องใหม่หมดและก็ยากที่จะเข้าใจเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณก็ได้เรียนรู้ไปด้วย"

"ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆกับโค้ชและเขาก็ช่วยผมในบางเรื่องอย่างอธิบายให้ฟังว่านักเตะในชีวิตจริงเป็นยังไง ผมไม่เคยพบนักเตะมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอทีเดียวหลายๆคน"

"ในช่วงต้นๆเรามีปัญหาเรื่องการสื่อสารกันเพราะผมไม่รู้ว่านักเตะเป็นยังไง ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านักเตะแต่ละคนก็มีบุคลิคเป็นของตัวเอง สตาฟฟ์ต้องทำให้นักเตะแฮปปี้ ไม่ใช่นักเตะทำให้สตาฟฟ์"

"ผมคงไม่บอกหรอกว่าเกมช่วยผมเตรียมตัวเพื่องานนี้ แต่ผมต้องบอกว่าเกมช่วยผมอย่างมากในการเข้าใจถึงรายละเอียดและความรับผิดชอบ แต่ยังไงก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริงนะ"

"ถ้าคุณเริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารและจินตนาการถึงตัวคุณเองดู คุณไม่เคยทำงานแบบนั้น คุณไม่รู้เลยว่าจะบริหารร้านยังไง คุณคิดว่าไปโหลกเกมบริหารร้านอาหารมาเล่นจะง่ายขึ้นมั้ยแล้วถึงเริ่มต้นธุรกิจ?"


หลังจากถูกลากกลับไปพูดถึงเรื่องเกมอีกครั้งแบบเลี่ยงไม่ได้ ฮูเซย์นซาดรู้ว่ามาถึงขั้นนี้ของเส้นทางอาชีพเค้าแล้วต้องเรียนรู้ให้ต่อเนื่อง เขาได้งานของเขาเป็นแรงผลักดัน ซึ่งถึงขั้นที่เขาสมัครใจอาศัยอยู่ที่สำนักงานของสโมสรรวมไปถึงโรงแรมด้วย

ความทุ่มเทและความกระตือรือร้นมีอยู่เต็มตัวเขาและเป็นสิ่งที่เขาถ่ายทอดกลับไปให้ทีมของเขาที่ตอนนี้ให้ความเคารพซึ่งกันและกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจากอายุของเขาในเรื่องอำนาจความรับผิดชอบที่ยังน้อยมาก

ผู้จัดการทีมวัย 22 ปีได้ออกปากชมเหล่าผู้คนที่ช่วยเขาโดยพูดถึงชื่อของโบซิดาร์ บันโดวิชเฮดโค้ชที่เป็นคนสำคัญสำหรับการก้าวเข้ามาช่วยเหลือเขา

ฮูเซย์นซาดบอกเพิ่มเติมว่า "ผมเข้ามาทำหน้าที่ 6 เดือนแล้วแต่ผมก็ยังต้องเรียนรู้ต่อไป โจเซ่ มูรินโญ่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาอยู่ในวงการฟุตบอลมาหลายปีและเขาก็ยังต้องเรียนรู้ต่อไป ลองจินตนาการสิว่าผมรู้สึกยังไง"

"ผมกับนักเตะเคารพกันและกัน พวกเขาแสดงความเคารพให้ผมและผมก็ให้ความเคารพวพกเขากลับ สิ่งสำคัญที่สุดคือผมมีความสุขมากกับงานของผมที่ทำให้ทุกคนได้เป็นหนึ่งเดียวกัน เรามีปัญหาที่คนจากบางประเทศจะเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันเท่านั้น"

"นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามทำน่ะและผมก็ทำสำเร็จด้วย ผมทำให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดเวลาด้วยการพาพวกเขาออกไปเที่ยว เราไปดูหนัง กินข้าว เราชอบหาอะไรสนุกๆทำ"

"ที่เอฟซี บากูคือคนจริงๆ เป็นความรู้สึกจริงๆและเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง ผมไม่เคยคาดคิดว่าหลังจบเกมพอเดินเข้าห้องแต่งตัวแล้วจะเห็นถึงอารมณ์มากขนาดนี้แต่ผมก็ได้เห็นแล้ว"

"ผมได้รับการหนุนหลังจากบันโดวิชอย่างมากเพราเขาเคยผ่านการเจอสิ่งใหญ่ๆมาก่อน เขาเคยเล่นให้กับเรด สตาร์ เบลเกรด"

มันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะตัดสินฮูเซย์นซาดจากการคุมทีมในระดับลีกที่ไม่เคยแม้แต่เข้าไปถึงเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มเลย แต่ผู้จัดการทีมหลายคนที่เจอกับเรื่องยากลำบากมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้เยอะ

ตำนานของอาร์เซน่อลอย่างโทนี่ อดัมส์เข้าไปรับงานคุมทีมกาบาล่าในปี 2010 แต่ก็อยู่ได้เพียงแค่ปีเดียวก่อนออกจากตำแหน่ง

ความจริงแล้วฮูเซย์นซาดได้รับประสบการณ์อย่างมากมาแล้วในการดวลฝีมือกับจอห์น โตแซ็คและคาซาร์ ลันการันทีมของเขาในเกมนัดรองชนะเลิศอาเซอร์ไบจาน คัพ แต่ก็พ่ายไป 2-1 ในสกอร์รวมสองนัดแม้เกมแรกจะชนะมาก็ตาม

หลังอดีตกุนซือของเรอัล มาดริด, ทีมชาติเวลส์และสวอนซีได้อวยพรให้ฮูเซย์นซาดเจอกับประสบความสำเร็จแต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่าความพ่ายแพ้ดังกล่าวถือเป็นจุดต่ำที่สุดของการเป็นผู้จัดการทีมของเขาจนถึงบัดนี้

"หลายคนบอกผมว่าเป็นฤดูกาลแรกที่ดีมากสำหรับผมแต่ผมไม่เห็นด้วยนะ"ฮูเซย์นซาดเล่า

"ผมคาดหวังให้เราได้ไปเล่นยูโรป้า ลีกและเราก็เกือบได้ไปแล้ว เราเล่นในเกมบอลถ้วยรอบรอง เราชนะ 1-0 ในเกมแรกแต่เราก็ไปแพ้ทีมของจอห์น โตแซ็ค 2-0 ในเกมนัดสอง"

"เราเป็นทีมที่ดีกว่า เรามีนักเตะที่ดีกว่ามากและเราก็มีโอกาสมากกว่าพวกเขาสามเท่าแต่พวกเขาเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้"

"เราได้มีโอกาสคุยกัน เขาอวยพรให้ผมโชคดีแต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น"

ช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับเขามีก็ไม่น้อยรวมถึงเกมรอบก่อนรองชนะเลิศบอลถ้วยที่เอาชนะอินเตอร์ บากูได้ ในเกมนั้นยังมีลูกยิงตอกส้นของชาห์รียาร์ อาลีเยฟซึ่งคลิปจังหวะยิงดังกล่าวก็ว่อนไปทั่วเน็ต

แนวทางการบริหารทีมของฮูเซย์นซาด ซึ่งเน้นพื้นฐานที่เรื่องการทำให้นักเตะรู้สึกดีที่สุดทำให้พาพวกเขาหนีออกจากท้ายตารางได้สำเร็จ


แต่หลังจากแทรกขึ้นไปติดท็อปซิกซ์ได้สำเร็จแล้วลีกแบ่งเป็นสองตารางลุ้นหนีตกชั้นกับลุ้นแชมป์และโควต้าต่างๆในช่วงท้ายฤดูกาล สุดท้ายเขาก็คว้าอันดับ 3 ไม่ได้ บากูพลาดอันดับไปลุยยูโรป้า ลีกอยู่ 16 แต้มหลังมาฟอร์มสะดุดในช่วงท้ายจากที่ตกรอบบอลถ้วยมา

ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องแท็คติกเท่านั้นที่กุนซือหนุ่มตั้งใจปรับตัวอย่างมาก การลุยตลาดซื้อขายของเขาก็ยังแสดงให้เห็นถึงแววเช่นกัน แน่นอน งานนี้ต้องขอบคุณฟุตบอล เมเนเจอร์

"ผมซื้อนักเตะเข้ามาบ้างในช่วงพักเบรคฤดูกาลหน้าหนาว"ฮูเซย์นซาดบอก "การซื้อตัวหนนึงเราได้นักเตะมาจากในเกม เราต้องการหัวหอก ผมเปิดเกมแล้วไปมองหานักเตะในโรมาเนีย ลีกซึ่งผมก็ไดเจอกับมาริอุส เพน่า"

"เป็นความสำเร็จอย่างมากเลยนะ เขายิงประตูได้ 6 ลูกจาก 7 เกมแรกของเขา ปกติเวลานักเตะย้ายเข้าสู่ทีมพวกเขาต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อย โดยเฉพาะกับประเทศอย่างอาเซอร์ไบจานซึ่งห่างไกลจากยุโรป ทางความคิดน่ะห่างไกลกับยุโรปมากและพวกประเพณีอะไรเทือกนี้ด้วย"

"แต่น่าเซอร์ไพรส์ที่เขาตื่นเต้นมาและเขาก็เล่นได้ดีมากนับตั้งแต่เกมแรก ลองคิดสิว่าเขาไม่เข้าแคมป์เก็บตัวในช่วงพักเบรคกับเราด้วยซ้ำ เขาแค่เข้ามา ลงซ้อมกับทีม 2-3 อาทิตย์แล้วเขาก็เริ่มล่าประตูได้ทันที"

การไปเล่นยูโรป้า ลีกให้ได้ภายใน 3 ปีถือเป็นเป้าหมายดั้งเดิมของฮูเซย์นซาดและเขาก็ยังไม่เปลี่ยนเป้าหมายจากนั้น

น่าพอใจที่เขาไม่ได้กังวลกับงานที่อยู่ในมือเลย โลกความเป็นจริงของการบริหารทีมก็ไม่ได้กันเขาออกมาเลยแม้แต่นิดและหากจะมีอะไรเกิดขึ้นนั่นก็คือเขากลับมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อันที่จริงแล้วเขามองไปถึงอนาคตเรียบร้อย หวังว่าจะก้าวพ้นการบริหารในแบบทวีปที่ใช้กันเป็นปรกติและปรับมาทำหน้าที่ในแบบสไตล์"บริติช"ให้มากขึ้นกว่าเดิม


หนุ่มสวีดิชกล่าวว่า "ผมทำงาน 24 ชั่วโมง 7 วัน ผมอาศัยอยู่ที่สำนักงานและบางคนก็คงไม่ชอบที่งานของพวกเขาเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวแต่ผมก็รักมันนะ"

"ผมต้องการแบบนี้และผมต้องทุ่มเวลาทั้งหมดของผมไปกับการตั้งสมาธิทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆเพื่อที่ผมอาจจะได้รับประโยชน์มาจากมันทีหลังในชีวิต ผมปรับปรุงบุคลิคของผมไปพร้อมกับสโมสรและผมก็เติบโตมากขึ้นในฐานะคนๆนึงด้วยเช่นกัน"

"ผมอยากจะทำความเข้าใจกับหน้าที่ของผมให้มากขึ้นกว่านี้เยอะกว่าที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ อย่างที่สองคือผมยังอยากเป็นจัดการทีมในตอนที่พวกเขาเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มของบอลยุโรปและเป็นกุนซือในสไตล์บริติชที่คุณได้เป็นทั้งโค้ชและผู้จัดการทีม"

"แต่ผมก็ยังมีเวลา ผมเป็นคนทีเด็กที่สุดในวงการแน่นอนล่ะและผมได้เริ่มต้นไวมากซึ่งในอนาคตผมอาจจะได้กลายเป็นดาวดังด้วยก็ได้นะ หวังว่าจะเป็นแบบนั้น"

แล้วเขายังมีเวลาได้เล่นฟุตบอล เมเนเจอร์อยู่อีกไหม เหมือนเมื่อก่อนที่ได้เล่นอยู่ทุกวี่วัน?

"ผมทำได้ดีมาตลอดนับตั้งแต่เล่นแชมเปี้ยนชิพ เมเนเจอร์ 4 นะ ผมรู้สึกว่ามันวนเวียนอยู่ในสายเลือดผม ผมยังเล่นอยู่ถึงแม้ทุกวันนี้จะได้เล่นน้อยลงมากแล้วก็ตาม"

"ผมมองหาความท้าทายใหม่ๆอยู่เสมอล่ะ คุณคงเบื่อมากถ้าหากอยู่คุมทีมเดียว 5 หรือ 6 ปี ผมพยายามหาความท้าทายใหม่ๆในลีกอื่นๆอยู่เสมอ ผมไม่เคยคุมทีมชั้นนำ ออกแนวเลือกคุมทีมเล็กและทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่าเดิมมากกว่า"

ฮูเซย์นซาดเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าเราควรต้องมีเหลุไปติดตามฟุตบอลในอาเซอร์ไบจานบ้างในฤดูกาลหน้า ในอีกไม่นานผมอาจต้องเตรียมโปรไฟล์ไว้สำหรับทีมชรูวส์บิวรี่ ทาวน์เมื่อถึงเวลาที่แกรห์ม เทอร์เนอร์(กุนซือชรูวส์บิวรี่ในปัจจุบัน)ได้แยกทางกับทีมไปในท้ายที่สุด